เหตุการณ์ใน พ.ศ. 2554 ของ การปะทะตามแนวชายแดนพม่า_พ.ศ._2553–2554

ในเดือนมกราคม การต่อสู้เกิดขึ้นตลอดในช่วงปีใหม่ระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยงพุทธ โดยยังยิงจรวดเข้าใส่กัน บางส่วนพลัดเข้ามาในเขตไทย ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 คน[24] กองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยงพุทธกล่าวอ้างว่าฆ่าทหารพม่าได้ 26 คน และบาดเจ็บ 35 คน มีผู้อพยพเข้ามาในไทย 200 คนซึ่งฝ่ายไทยจัดให้อยู่ที่ตำบลพบพระ กองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยงพุทธยังกล่าวอ้างว่าฝ่ายไทยยอมให้ทหารพม่าผ่านแดนเข้าไปใช้ดินแดนไทยในการโจมตีฝ่ายตน แต่ทหารไทยไม่ได้โต้ตอบ[25]

ในเดือนกุมภาพันธ์ เกิดการสู้รบระหว่างองค์การเอกราชกะชีนกับกองทัพพม่า โดยฝ่ายกะชีนกล่าวว่ากองทัพพม่านำโดยนายพลยิน ทเว ได้นำทหารล้ำเข้าไปในพื้นที่ควบคุมของฝ่ายกะชีน ทำให้เกิดการปะทะขึ้น การสู้รบเกิดขึ้น 20 นาที ก่อนที่ฝ่ายพม่าจะถอยออกมา[26] ทหารพม่าเข้าโจมตีทหารของกองทัพเอกราชกะชีนอีกในวันที่ 12 มิถุนายน ในวันรุ่งขึ้น กองทัพกะชีนได้ประกาศสงครามกลางเมืองกับพม่า[27]

ในเดือนมีนาคม ทหารกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยงได้ซุ่มโจมตีรถบรรทุกทหาร 27 คน บรรทุกทหารพม่าประมาณ 300 คนบนเส้นทางระหว่างกาเนลายและบะยินหน่อง ทำให้ทหารพม่าเสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บ 17 คน [28]ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมมีการปะทะระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังของชนกลุ่มน้อยหลายจุด โดยในวันที่ 15 เมษายนเกิดการปะทะในรัฐฉาน[29] ในเดือนพฤษภาคมเกิดการปะทะกับทหารกะเรนนี[30] และทหารกะเหรี่ยงทั้งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยงและกองทัพประชาธิปไตยกะเหรี่ยงพุทธซึ่งการสู้รบได้ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกันยายน[31] ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน จึงมีการเจรจาเพื่อหยุดยิงระหว่างกองทัพพม่าและสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง[32]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: การปะทะตามแนวชายแดนพม่า_พ.ศ._2553–2554 http://www.theaustralian.com.au/news/world/burma-r... http://www.abc.net.au/lateline/content/2010/s30608... http://www.abc.net.au/news/stories/2010/11/09/3061... http://www.bangkokpost.com/breakingnews/205465/arm... http://www.bangkokpost.com/news/local/205655/refug... http://www.bangkokpost.com/news/security/206078/so... http://www.bloomberg.com/news/2010-11-09/thailand-... http://www.channelnewsasia.com/stories/afp_asiapac... http://www.france24.com/en/20101108-un-ban-ki-moon... http://www.google.com/hostednews/afp/article/ALeqM...